ยุคทอง (สัตยุค) ยุคแห่งสัจจะ



ละครเริ่มต้นด้วย ผู้แสดงจำนวนน้อย ในฉากบนโลกที่ธรรมชาติอยู่ในสภาพบริสุทธิ์ และสมบูรณ์ที่สุดมีความสอดคล้องกลมกลืนกัน ไม่ว่าจะเป็นพื้นดิน ท้องฟ้า อากาศ น้ำ ไฟ ที่ช่วยให้เกิดความสวยงามเลอเลิศ จนกล่าวได้ว่าเป็นดินแดนสุขาวดี หรือ สวนอีเดน (Garden of Eden) ความงดงามของมวลดอกไม้ที่ส่งกลิ่นหอม ไปตามสายลมที่พัดผ่านมาอย่างแผ่วเบา ผู้คนดูราวกับไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา แต่เป็นมนุษย์ที่มีความสมบูรณ์พร้อม ที่เรียกว่า เป็นเทพจุติลงมา เราสามารถเห็นรอยยิ้มในดวงตา และใบหน้าของทุกคนที่นั่น น้ำเสียงที่ร่าเริงแจ่มใส กระแสความรักที่แผ่กระจายถึงกันเป็นดินแดนสุขาวดี ที่เราใฝ่หา ยุคนี้เป็นยุคแห่งสัจจะ (Age of Truth) ยุคทอง (The Golden Age) ที่มนุษย์มีสภาพประเสริฐสุด เต็มไปด้วยความรัก ความสามัคคี มีความเป็นหนึ่งเดียวกัน ผู้ปกครองอาณาจักรเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักและอำนาจอย่างสมบูรณ์ ใช้คำพูดที่นุ่มนวลอ่อนหวาน มีความเหมาะสมกับตำแหน่งและสถานการณ์ มีความงดงามที่เกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ จึงได้รับความเคารพเชื่อฟังโดยไม่จำเป็นต้องมีกฎหมายใดๆบังคับ เพราะภายในจิตใจมีระเบียบวินัยเป็นรากฐาน เขาไม่จำเป็นต้องมีที่ปรึกษา เขาได้รับพรของความสุขุมรอบคอบ และทรงไว้ซึ่งความยุติธรรม จากพระเจ้า เขามีมงกุฎ 2 ชั้น คือมงกุฎแห่งแสง ที่แสดงถึงความบริสุทธิ์รอบๆ ศีรษะ และมงกุฎที่ทำด้วยเพชรพลอย อันแสดงถึงอำนาจในการปกครองด้วยความรอบรู้ที่สมบูรณ์

โลกนี้เป็นโลกแห่งความกลมกลืน เป็นหนึ่งเดียวกัน มีอาณาจักรเดียว ศาสนาเดียว และภาษาเดียว คือ ภาษาแห่งความอ่อนหวานและความสงบ ใบหน้าของทุกคนแสดงให้เห็นถึงความสุข ไม่ว่าจะเป็นหนุ่มสาวหรือคนชรา ที่นี่ไม่มีร่องรอยของความเจ็บป่วย หรือความตาย เมื่อร่างกายแก่ชราตามอายุ ดวงวิญญาณก็จะละร่างหนึ่งไปสู่ร่างหนึ่ง โดยไม่มีน้ำตาจากผู้อยู่รอบข้าง ไม่มีการสูญเสียหรือความรู้สึกพลัดพราก ดวงวิญญาณเพียงแต่เปลี่ยนเครื่องแต่งกายใหม่ จากร่างหนึ่งไปอีกร่างหนึ่ง ที่มีเพื่อนและญาติพี่น้องคอยต้อนรับอยู่ จึงไม่มีความเศร้าโศก เสียใจหรือทุกข์ทรมานใดๆ

มนุษย์ทุกคนมีความสวยงาม อันได้รับการปั้นแต่งจากดวงวิญญาณสูงสุด ร่างกายจึงสะท้อนถึงความงามภายในจิตใจ มีใบหน้าที่สดใส ดวงตาฉายแววความสูงศักดิ์ของมนุษย์ที่สมบูรณ์พร้อม ที่เรียกว่า เทพ หรือผู้ให้ที่แท้จริง ไม่มีสิ่งใดที่ขาดตกบกพร่อง เป็นรางวัลจากผลกรรมในชาติก่อน ที่ได้เพียรพยายามทำกรรมที่ถูกต้องบริสุทธิ์ เพื่อให้หลุดพ้นจากกิเลสและเหตุแห่งทุกข์อย่างแท้จริงความเพียรพยายามร่วมกันนั้น ทำให้เขากลับมาอาศัยอยู่ด้วยกัน ทำงานด้วยกัน แต่งานที่ทำไม่ใช่งานที่เหนื่อยยาก หรือต้องใช้ความพยายามใดๆ ขณะที่มีการทำงานก็ราวกับว่ากำลังร่ายรำอยู่ เช่น เมื่อเขาออกไปหว่านพืชในท้องทุ่งก็ไม่จำเป็นต้องขุดดินขุดทราย เพราะแผ่นดินใหม่มีความอุดมสมบูรณ์เพียงแค่หว่านเมล็ดลงไป งานก็สำเร็จ เมล็ดก็เจริญเติบโตงอกงามเกิดผลมากมายในเวลาอันรวดเร็ว ทุกสิ่งทุกอย่างรวมทั้งธรรมชาติรอบข้างให้ความร่วมมือ และคอยรับใช้มนุษย์เหล่านั้น นี่คือสวนสวรรค์ของมนุษย์ยุคแรกที่อาศัยอยู่ในวงจรโลก เป็นโลกที่ดวงวิญญาณที่มีอำนาจและความบริสุทธิ์อาศัยอยู่ จึงนำความบริสุทธิ์มาสู่โลก





ลักษมี-นารายณ์ ผู้ปกครองในยุคทอง ด้วยอำนาจของทั้งศาสนาและการปกครอง เขาจึงได้รับการกราบไหว้บูชา จนกระทั่งทุกวันนี้
กลับไปที่วงจรชีวิตอมต 5000 ปีของข้าพเจ้า
back to Main