ความกลัว ตอนที่ 2 |
ยังจำกันได้หรือเปล่าว่า เมื่อตอนที่แล้วอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เราเกิดความเครียด ใช่แล้วความกลัว (ปรบมือให้สำหรับคนที่จำได้) นั่นเอง ฉบับนี้เราจะพูดถึงตัวการของความเครียดตัวที่ 2 นั่นคือ การประณามและการถูกประณาม มันทำให้เราเครียดได้อย่างไร ลองอ่านบทสนทนาต่อไปนี้
จากบทสนทนาข้างต้น เจ้านายได้ประณามการทำงานของลูกน้องเพราะเขาทำงานไม่ได้ตามที่ต้องการ ด้วยอารมณ์และความรู้สึกที่ไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง ส่วนลูกน้องก็คิดว่าสิ่งที่เขาทำไปนั้นดีที่สุดแทนที่จะได้คำยกย่องกลับเป็นการประณาม ทำให้เขาเกิดความน้อยใจและความรู้สึกที่ไม่ดีต่อเจ้านาย
และท่านประณามผู้อื่นเพราะ??? เขาผู้นั้นทำให้ท่านไม่พอใจ เขาผู้นั้นทำให้ท่านโกรธ เขาผู้นั้นไม่เป็นไปตามที่ท่านต้องการหรือคาดหวัง หรือเปล่า? และท่านทราบหรือไม่ว่า การประณามคือการไม่รับผิดชอบต่อความคิด และความรู้สึกของตัวท่านเอง เป็นการโยนความรับผิดชอบเหล่านี้ให้กับผู้อื่น ผลที่ตามมาคือการตกเป็นเหยื่อ (Victim) ท่านเคยสังเกตไหมว่าทันทีที่ท่านชี้นิ้วไปยังผู้อื่นว่าเป็นเหตุของความรู้สึกของท่าน อีก 3 นิ้วจะชี้กลับมาหาตนเอง และในวินาทีนี้เอง ท่านได้สูญเสียพลังของตนเอง และตกเป็นทาสหรือเหยื่อของสิ่งที่ท่านประณาม ท่านกำลังเดินบนถนนความเครียดโดยไม่รู้ตัว ส่วนผู้ที่ถูกประณามคือผู้ที่รับผลจากความไม่รับชอบของผู้ประณามไว้ สิ่งที่ผู้ประณามและผู้ถูกประณามได้รับจากการกระทำนี้คือ ความแตกร้าวในความสัมพันธ์ และนำไปสู่ความเครียด ใช่หรือไม่ ท่านต้องการให้มันเกิดสิ่งนี้ขึ้นหรือ?
แล้วท่านจะทำอย่างไร? มันไม่ใช่เรื่องง่ายและก็ไม่ใช่เรื่องยาก สิ่งสำคัญคือ การฝึกฝน เช่นเดียวกับนักกีฬา เขาจะไม่สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้เลย ถ้าเขาขาดการฝึกฝน เพราะคู่ต่อสู้มีหลายรูปแบบและมีการพัฒนาอยู่สม่ำเสมอ และสิ่งที่เราได้รับคืออะไร คำตอบคืออิสรภาพ อิสรภาพจากอะไร คำตอบจากการตกเป็นเหยื่อของสถานการณ์ และคำประณามที่อยู่รอบตัว เช่นเดียวกับนักกีฬาที่ได้รับคือชัยชนะ
สิ่งแรกที่ท่านต้องทำความเข้าใจคือ ท่านคือผู้สร้าง และความรู้สึกคือสิ่งสร้างของตัวท่าน เมื่อท่านแยกได้เช่นนี้ ความรู้สึกและอารมณ์จะไม่มีอิทธิพลต่อท่าน ทำให้ท่านไม่มีความคิดที่เป็นลบ ท่านจะเกิดความรู้สึกที่ดีและมีความคิดที่เป็นบวกมากขึ้น และสำหรับท่านที่ตกเป็นผู้ถูกประณาม เป็นการง่ายที่จะไม่รับคำประณามด้วยความเข้าใจว่าผู้ที่ประณามนั้นเป็นผู้สร้างความรู้สึกของตนเอง แต่ไม่ได้หมายความว่าท่านสามารถพูดหรือทำอะไรก็ได้ที่ท่านต้องการกับผู้อื่น เมื่อท่านไม่ต้องการเป็นผู้รับการประณาม ท่านก็ไม่ควรเป็นผู้ให้คำประณามนั้นเกิดขึ้นจากตัวท่านเอง (ท่านไม่ต้องการสิ่งใดท่านก็ไม่ควรให้สิ่งนั้นกับผู้อื่น) อย่างที่บอกไว้ในตอนแรกว่าสิ่งนี้ต้องอาศัยการฝึกฝน ต้องการความอดกลั้นและเวลา อย่าได้มีความคิดที่ว่าฉันทำไม่ได้หรอก เพราะนั่นเท่ากับว่าท่านได้ประณามตัวท่านเองแล้ว
หลายคนคิดว่าสิ่งที่กล่าวข้างต้นเป็นเพียงทฤษฎี แต่อย่าลืมว่าทฤษฎีจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อได้ผ่านการทดลองและการปฏิบัติจริงจนได้ผลสรุปเป็นที่ยอมรับและเชื่อถือ ดังนั้น เรามาทำตัวเป็นนักทดลองในห้องปฏิบัติการของตัวเอง ให้รู้กันไปว่ามันเป็นไปตามทฤษฎีหรือเปล่า อันนี้ไม่ลองไม่รู้นะจะบอกให้
ในตอนหน้าเป็นเรื่องอะไรนั้น ติดตามกันต่อไปนะจ๊ะ ขอให้สนุกกับการทดลอง บ้ายบาย