ฉันคือดวงวิญญาณที่สงบ

เมื่อตอนที่ฉันยังเด็ก พ่อได้เล่านิทานให้ฉันฟังตอนก่อนนอน พ่อบอกว่า "ลูกคือผู้มีบุญมาก" ฉันรู้สึกงง ๆ ว่าพ่อรู้ได้อย่างไรว่าฉันเป็นผู้มีบุญมาก ฉันจึงถามพ่อว่า "พ่อรู้ได้อย่างไร" พ่อบอกว่า "เพราะลูกเป็นผู้ที่ขยัน ตั้งใจเรียน ไม่ได้เป็นเด็กเกเร แสดงว่าชาติที่แล้วลูกเป็นผู้มีบุญมาก แต่ชาตินี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าลูกจะนำบุญนี้ไปใช้ในทางที่เป็นประโยชน์มากแค่ไหน สามารถนำสิ่งนี้มาใช้โดยไม่สร้างบาปได้มากแค่ไหน เช่นถ้าลูกเรียนสูง ๆ พอจบไปมีงานทำ แล้วงานที่ทำนี้ทำให้ผู้อื่นหรือตนเองเดือดร้อน บุญที่มีก็จะกลายเป็นบาป เวลาเกิดชาติต่อไปลูกจะเป็นคนโง่ และเป็นเด็กเกเร ชีวิตลูกตอนโตก็จะลำบาก ดังนั้นถ้าไม่อยากลำบากในชาติหน้าให้นำบุญที่มีไปใช้สร้างบุญเพิ่ม โดยทำงานด้วยความซื่อตรง ไม่เอาเปรียบคนอื่น ช่วยเหลือผู้อื่นในเวลาที่ถูกต้องเหมาะสม ไม่ใช่ให้ทานกับผู้ทุกข์ยาก เพราะว่าเราให้ไปมากเท่าไรก็จะหมดในวันข้างหน้า ดังนั้นเราต้องให้ความรู้ว่าจะทำตนอย่างไรจึงจะอยู่อย่างมีความสุข มีทรัพย์สินที่พอจะเลี้ยงตัวเองได้ ไม่จำเป็นต้องมีเงินมากมายถ้าชีวิตหาความสุข-สงบไม่ได้"

ฉันฟังเสียเพลิน พอพ่อพูดจบผมก็ถามต่อไปว่า "การใช้ชีวิตนี้ยากจังเลย" พ่อตอบว่า "ไม่ยากหรอก" ฉันถามต่อว่า "ทำอย่างไรจะให้ง่ายละพ่อ" พ่อตอบว่า "เพียงแต่ในขณะทำทุก ๆ งานนั้นให้มีสำนึกว่า ฉันคือดวงวิญญาณที่สงบ" ฉันถามต่อ "มันเป็นอย่างไรละพ่อ" พ่อตอบว่า "ดวงวิญญาณนั้นก็คือไม่มีตัวตน อย่างเช่นชาติที่แล้วลูกใช้อีกร่างหนึ่ง พอร่างนั้นหมดอายุตายไปลูกก็เปลี่ยนร่างมาเกิดกับร่างนี้ ซึ่งก็แสดงว่าร่างนั้นตาย แต่ลูกไม่ตายเพราะลูกไม่มีตัวตนนั่นเอง ส่วนคำว่าสงบนั้นเป็นคุณสมบัติของดวงวิญญาณ คือปกติถ้าดวงวิญญาณนั้นยังไม่ได้ใช้ร่าง มันก็ไม่มีมือ ไม่มีปาก ไม่มีหู มันจึงคล้าย ๆ กับกำลังนอนหลับ มันจึงสงบมาก เมื่อมันมาใช้ร่างกาย ประสาทสัมผัสของร่างกายจึงไปรบกวนมันทำให้มันไม่สงบ และเมื่อใช้ร่างนานๆ เข้า มันก็ติดอยู่ในร่าง เมื่อมีคนมาด่าว่าร่างก็คิดว่าด่าว่าตนเอง ทำให้รู้สึกเจ็บปวด แต่แท้ที่จริงร่างที่เราเข้ามาใช้นั้น มันเป็นเพียงพาหนะที่ใช้ขับขี่ชั่วคราวเท่านั้น เหมือนกับรถยนต์ ถ้าเรายืมรถคนอื่นมาขับชั่วคราวแล้วมีคนมาว่า รถคันนี้ไม่สวยเลย เราจะรู้สึกเฉย ๆ แต่ถ้าเป็นรถที่เราใช้เป็นประจำจนรู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งกับตัวเราเมื่อไหร่ เราจะรู้สึกเจ็บ เพราะว่าเราใช้รถจนชินจนคิดว่ารถนั้นคือตัวเรา ร่างกายก็เปรียบเหมือนรถยนต์ คนขับก็เหมือนตัวเรานั่นเอง ถ้าตัวเราไม่มีรถไม่มีทรัพย์สินอะไร ถ้าเกิดอะไรขึ้นเราจะไม่ถูกกระทบ แต่ถ้าเรามีรถยนต์ มีบ้าน หรือทรัพย์สินอื่น ๆ ถ้าสิ่งเหล่านี้มีอันเป็นไปแล้ว เราจะรู้สึกเป็นทุกข์ที่สูญเสียมันไป ดังนั้นถ้าเรามีทรัพย์สินอะไรให้มีสำนึกว่า เรายืมสิ่งเหล่านี้มาใช้เท่านั้น มันไม่ใช่ของเรา แต่เราทำหน้าที่ดูแลทรัพย์สินเหล่านั้น ถ้าเกิดอะไรขึ้นเราจะไม่ถูกกระทบ เช่นเดียวกับร่างกาย ให้มีสำนึกนี้เสมอเช่นกัน และแล้วเราก็จะใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข"

ฉันฟังเพลินพอพ่อพูดจบฉันจึงขอบคุณพ่อว่า "ขอบคุณครับพ่อที่ช่วยอธิบายให้ฟัง แท้ที่จริงการใช้ชีวิตนั้นไม่ยากถ้ามีสำนึกว่า ฉันคือดวงวิญญาณที่สงบอย่างสม่ำเสมอ"


Om Shanti
แต่งโดย ผศ.ทรงชัย วีระทวีมาศ (webmaster)